ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ผู้ที่บุกเบิกการต่อตั้งโรงเรียนราษฎร์ไม่ใช่นไทยแต่เป็นมิชชั่นนารีซึ่งเดินทางเข้ามาเผยแพร่ศษสนาในประเทศไทยโรงเรียนราษฎร์ซึ่งได้รับการจัดตั้งและสนับสนุนโดยมิชชั่นนารีได้แก่โรงเรียนของนามัททูน (นาง Mattoon) มิชชั่นนารีชาวอเมริกันจึงเปิดสอนในปีพ.ศ. ๒๓๙๕ ซึ่งถือเป็นโรงเรียนราษฎร์แห่งแรกในสมัยนั้นโรงเรียนคริสเตียนไฮสกูล (คริสเตียนมัธยม) ปัจจุบันคือโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย) ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๓๑ เปิดสอนเฉพาะเด็กผู้ชายสำหรับโรงเรียนกุลสตรีวังหลัง (Kunsatree วังทองหลางโรงเรียน) ปัจจุบันคือโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยเปิดสอนเฉพาะเด็กผู้หญิงก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๑๗ และโรงเรียนไทย – โรงเรียนอัสสัมชัญ (อัสสัมชัญ) ฝรั่ง (โรงเรียนไทยฝรั่ง) ปัจจุบันคือก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ. ๒๔๒๐
โรงเรียนราษฎร์ทั้ง ๓ แห่งดังกล่าวในระยะเริ่มแรกดำเนินงานเป็นเอกเทศมิได้ถูกควบคุมโดยหน่วยงานของรัฐแต่อย่างใดจนกระทั่งปีพ.ศ. ๒๔๔๘ กระทรวงศึกษาธิการ (กระทรวงธรรมการ) จึงเข้ามามีบทบาทในการดูแลโรงเรียนราษฎร์ทั้ง ๓ แห่งและในช่วงระยะเวลานี้เองโรงเรียนราษฎร์ซึ่งมีคนไทยเป็นเจ้าของก็ได้รับการจัดตั้งขึ้นชื่อโรงเรียนบำรุงวิทยา (BamrungWittaya โรงเรียน) และลงทะเบียนขึ้นกับกระทรวงศึกษาธิการเช่นเดียวกัน
การศึกษาเอกชนของประเทศขยายตัวมากขึ้นในปีพ.ศ. ๒๔๖๑ รัฐบาลจึงได้ประกาศพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชนครั้งแรกโดยมีจุดประสงค์เพื่อจะตรวจนิเทศโรงเรียนเอกชนทั่วราชอาณาจักรและเพื่อปรับปรุงแก้ไขกฎและระเบียบโรงเรียนเอกชน
พ.ศ. 2476 เป็นต้นมา กรมวิสามัญศึกษากระทรวงศึกษาธิการนั้นมีการขยายตัวอย่างกว้างขวาง ประชาชน ราษฎร์หรือกรมการศึกษาเอกชน ต้องการของนายเกรียงเอี่ยมสกุล ให้มีหน่วยบริหารของตัวเองแล้ว ดังนั้น และด้านบริการคณะกรรมการนี้ประกอบด้วยดร. ธำรงบัวศรีเป็นประธานกรรมการนายพนอมแก้วกำเนิด โดยใช้ชื่อย่อว่าสช ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2515 ตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 217 ลงวันที่ 29 กันยายน 2515 โดยโอนอำนาจหน้าที่กิจการทรัพย์สินหนี้สินข้าราชการลูกจ้างและเงินงบประมาณของกรมวิสามัญศึกษา แลโอนงานวิทยาลัยเอกชน สำนักนายกรัฐมนตรี คือดร. ธำรง ฉบับพิเศษ, 2535)